วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ใน Macbook รุ่นใหม่ ๆ จะเปลี่ยนภาษา ไทย-อังกฤษ จากปุ่ม Capslock แทนได้ ง่ายดีสะดวก เร็ว เพราะเป็นปุ่มที่เราไม่ค่อยได้ใช้งาน ใน Windows ก็ทำได้ ลองทำดูกันเลย ไม่ยากกกกก 555+



ก่อนอื่นไป Download โปรแกรม AutoHotkey ได้จากที่นี่ 
https://www.autohotkey.com

ติดตั้งเสร็จแล้ว ทำดังนี้

1. คลิกขวา (Right Click) ที่หน้าจอ Desktop เลือก New -> AutoHotkey Script

2. จากข้อแรกจะได้ไฟล์มา 1 ไฟล์ อยู่บนหน้า Desktop ชื่อ New AutoHotkey.ahk -> เปิดไฟล์นี้ด้วยโปรแกรม Notepad หรือ Text Editor ตัวที่ชอบ

3. ใส่ code เหล่านี้ ต่อท้ายในไฟล์ (เว้นบรรทัดได้)

3.1 กรณีที่เดิมใช้ ปุ่ม Win+Space ในการเปลี่ยนภาษา ให้ใส่ code
SetCapsLockState, AlwaysOff
+CapsLock::CapsLock

CapsLock::Send, {lwin  down}{Space down}{lwin  up}{Space up}

return

3.2 กรณีที่เดิมใช้ ปุ่ม Ctrl+Shiftในการเปลี่ยนภาษา ให้ใส่ code
SetCapsLockState, AlwaysOff
+CapsLock::CapsLock

CapsLock::Send, {Ctrl down}{Shift down}{Shift up}{Ctrl up}

return

***ถ้าเป็นรูปแบบอื่นเช่น grave accent (ยึกยือเส้นเดียว) ก็ไปเปลี่ยน key sequence ก่อนในระบบ (วิธีเปลี่ยนลองหาดูไม่ยากขึ้นกับ winodws version)

ทำเสร็จแล้วกด Save ไฟล์ตามปกติ

หมายเหตุ ที่ต้อง SetCapsLockStae, AlwaysOff เพื่อให้ ไฟที่แสดงสถานะ Capslock ไม่ติดสลับไปมา หรือถ้าใครชอบให้ไฟติดสลับไปมาก็เอา สองบรรทัดแรกออกก็ได้ ก็จะดูจากไฟ Capslock ได้ว่าอยู่สถานะภาษาไหน

4. ไปกดดับเบิ้ลคลิก (Double Click) ที่ไฟล์ที่เซฟไปแล้ว ที่ชื่อ New AutoHotkey.ahk ก็จะมีรูปไอคอนสีเขียวมีตัว H อยู่ภายในปรากฏขึ้นมาที่ taskbar (ลองหาดู อาจไปรวมกลุ่มกับ icon อื่น) เป็นอันเสร็จพิธี

5. ทดลองเปิดโปรแกรม Notepad หรือโปรแกรมอื่นขึ้นมา แล้วทดลองเปลี่ยนภาษาดู ถ้าไม่ผิดพลาดจะต้องทำได้จากปุ่ม Caplock เลย (ถ้าบางโปรแกรมทำไม่ได้ เช่น เปิดโปรแกรมค้างไว้ก่อนหน้า ให้ลองปิดโปรแกรมนั้นแล้วเปิดใหม่อีกที)

6. ถ้าอยากให้โปรแกรมรันอัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดเครื่องคอม (เราไม่ต้องไปกดดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ทุกครั้ง) ทำดังนี้

6.1 เลือกไฟล์  New AutoHotkey.ahk แล้วเลือก Copy 

6.2 กดปุ่ม Win + R เพื่อแสดงหน้าต่างคำสั่ง Run -> พิมพ์คำว่า shell:startup เพื่อเปิดหน้าต่างไฟล์ startup ที่ไว้เก็บไฟล์เพื่อให้ windows มาสั่งรันตอนสตาร์ทเครื่อง

6.3 เลือก Paste ไฟล์ในข้อ 6.1 ที่ในหน้าต่างโฟลเดอร์ startup ที่เปิดไว้

6.4 ปิดหน้าต่าง เป็นอันเสร็จพิธี ลอง Restart เครื่องดูก็ได้

***หมายเหตุ ผู้ใช้เครื่องต้องมีสิทธิ์เป็น Admin ถึงจะทำวิธีลัดแบบนี้ได้ ถ้าจำเป็นต้องทำวิธีอื่น ลองหาวิธีใน google ดู

***ถ้าเจอปัญหาใช้ใน Chrome หรือบางโปรแกรมแล้วมีปัญหาให้ กำหนดสิทธิ์โปรแกรม AutoHotkey.exe ให้เป็น Run as Administrator (ลองหาวิธีทำใน Google ดูได้ครับ ไม่ยาก) ทำแล้ว Restart ทดสอบดูครับ


วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

อยากได้รูป Windows 10 Lock Screen สวย ๆ ทำยังไงดี ???



สำหรับคนที่ใช้ Windows 10 ที่ชอบ ภาพหน้า Lock Screen ตอนเปิดเครื่องขึ้นมา ถ้าอยากได้ ทำตามเว็บนี้ครับ ง่าย ๆ ดังนี้

0. ต้องไปเปิดให้ระบบเห็น Hidden file ก่อน (ถ้าไม่รู้ทำตามเว็บนี้เลย)
https://www.technipages.com/show-hidden-files-windows

1. ปิดหน้าต่าง File Explorer ขึ้นมา แล้ว copy อันนี้ใส่เข้าไปทั้งอันทับของเดิมทั้งหมด

%LocalAppData%\Packages\Microsoft.Windows.ContentDeliveryManager_cw5n1h2txyewy\LocalState\Assets

2. เจอเจอหน้ามีไฟล์ชื่อประหลาดเต็มไปหมด ให้เลือกดูที่ขนาดไฟล์ ...ไฟล์ไหนขนาดใหญ่สุด มักจะเป็นไฟล์นั้นแหละ ให้เลือก copy -> paste (ก็อป แล้วไปวาง) ในโฟลเดอร์อื่น เช่น download หรือ picture

3. Rename ชื่อไฟล์ที่ก็อปมาวาง ให้เป็นอะไรก็ได้ที่มีนามสกุล .jpg แค่นี้ก็จะได้ไฟล์รูปภาพ Lock screen สวย ๆ มาแล้ว จะเอาไป set เป็น desktop wallpaper ก็ได้

ปล. ถ้าระบบเปลี่ยนเป็นรูปใหม่ ก็ทำแบบเดิมครับ เก็บไปทีละรูป



ซื้อ Harddisk / SSD / USB Drive มาใหม่ ทำไมเนื้อที่หายไป ไม่เต็มเท่าที่กล่องบอก ...โดนโกงหรือเปล่า ???



วันนี้อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาถามเรื่องความจุ Harddisk หน่วยเป็น GB (Gigabyte) ว่ามันนับยังไง ทำไมซื้อมาแล้ว Windows เห็นไม่เต็ม....เลยส่ง Link นี้ให้ดู
https://en.wikipedia.org/wiki/Gibibyte

อธิบายง่าย ๆ เลยคือ มันนับได้ 2 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1) 1 GB = (1000)^3 (ยกกำลังสาม) = 1,000,000,000 (พันล้าน) ไบต์ (ตัวอักษร) ถ้วน ๆ กลมๆ

แบบที่ 2) 1 GB = (1024)^3 (ยกกำลังสาม) = 1,073,741,824 (พันล้านกว่า) ไบต์ (ตัวอักษร) มีเศษเกินมาตั้ง 73 MB เศษ

ประเด็นก็คือตัวเก็บข้อมูลที่ขายในตลาดที่เราเรียกๆ กันว่า HDD /SSD เนี่ย ความจุเค้าบอกไว้กลม ๆ เป็น 1 TB / 2 TB เป็นต้น ซึ่งมาตรฐานความจุอุปกรณ์พวกนี้ใช้หน่วย 1 TB = (1000)^4 ถ้วนๆ ไม่มีเศษ ตามแบบที่ 1)

--> ทีนี้พอเราไปเปิดด้วย Windows OS ซึ่งนับหน่วยไม่เหมือนกัน ใน Windows ตัวมันเองจะคิดจากหน่วย (1024)^ค่าใดๆ เช่น (1024)^4 = 1 TB แทน ตามแบบที่ 2) ดังนั้น 1TB ของ Windows > 1TB ของ HDD

พอมันนับหน่วยไม่เหมือนกัน ค่าเนื้อที่ก็ไม่เท่ากัน ทำให้ Windows นับได้ค่าเนื้อที่ (1000)^4 / (1024)^4 = เหลือประมาณ 0.9094 TB (นับได้ขนาดเล็กลง)
...ซึ่งจริง ๆ แล้วเนื้อที่ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มันนับหน่วยกันคนละแบบ แค่นั้นเอง

มันมีรูปแบบการเรียกให้ต่างกันอยู่คือ
1 GB (1000) ^3
หรือ 1 GiB (1024)^3
ซึ่งมีขนาดไม่เท่ากัน

ก็ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ไม่ต้องสนใจหรอก ให้เนื้อที่พอใช้งานก็แค่นั้นเอง หรือคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่ลง Windows มันก็นับแบบของมันอยู่แล้ว 555+

ปล. รู้ไว้ใช่ว่า...ก็แค่รู้ 555+
จะมีประโยชน์กรณีที่ไปเช่าใช้ Cloud ในการเก็บข้อมูล หรือการประมวลผล ซึ่งเค้าจะบอกว่าคิดแบบไหน ส่วนใหญ่คิดเป็น (1024)^ใด ๆ ตามแบบที่ 2)

Source: (แหล่งที่มา) https://en.wikipedia.org/wiki/Gibibyte



เข้าเน็ต @ AIS Super Wifi หรือ @ TrueWifi ไม่ได้ ...ไม่ขึ้นหน้าให้ Login ทำอย่างไรดี !!!



ใครใช้ Macbook (Mac Notebook with OSX) แล้วต่อ Network พวก @ AIS Super Wifi หรือว่า @ TrueWIFI หรือ Network ของโรงแรมหรือที่ทำงาน ที่ต้องมีหน้าเว็บให้ใส่ข้อมูล Login ก่อน แล้วเข้าไม่ได้ ไม่ขึ้นอะไรเลย นิ่งสนิท... เพราะมันไม่ขึ้นหน้า Login มาให้ ใน browser (เดี๋ยวนี้บางที่ไม่ Pop up แล้ว แต่บางทีก็ยังเด้งขึ้นมาอยู่) ถ้าใช่...เรามีทางออกให้คุณ

ทำดังนี้

0. เลือก Wifi Network ที่ต้องการเชื่อมต่อก่อนเช่น @ AIS Super Wifi หรือว่า @ TrueWIFI รอจนเห็นรูปพัด wifi มีสัญญาณจะกี่ขีดก็ได้แต่ควรไม่ต่ำกว่า 2 ขีด

1. เปิด Finder (รูปหน้าคน) ไปที่ /System/Library/CoreServices/Captive Network Assistant.app

2.  กด Double Click ที่ Captive Network Assistant.app

ถ้าใช้ @ AIS Super Wifi  --> ไม่ต้องเปิด Browser (มันจะมีหน้าต่าง pop up ขึ้นมาให้ใส่ข้อมูลเลย)  --> แต่ถ้าไม่มีอะไรขึ้นมาเลย ให้เปิดหน้า Web Browser เช่น Safari, Chrome, Firefox แล้วพิมพ์ URL นี้ https://wifi.ais.co.th แล้วลองกด go หรือ refresh ว่ามาไหม

ถ้าใช้ @ True Wifi  --> ไม่ต้องเปิด Browser (มันจะมีหน้าต่าง pop up ขึ้นมาให้ใส่ข้อมูลเลย)  ...แต่ก็เปิดไว้เถอะ เดี๋ยวก็ใช้อยู่ดี  --> ส่วนตัวยังไม่เจอเคสที่ต้องใส่ URL เอง
(สำหรับ Wifi อื่นๆ ยังไม่ได้ลอง)

3. ถ้าเผลอปิดหน้าต่าง Pop up หรือหน้าเว็บไป จะทำอย่างไร --> ก็แค่ลองกด turn Wifi OFF แล้วก็ Turn On แล้วก็เลือก เครือข่ายที่ต้องการใหม่ กลับไปยังข้อ 0. แล้ว ไล่ตามเสต็ปใหม่ ง่าย ๆ แค่นี้เอง

ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขในเร็ววันแน่นอน ถ้าเราต้องใช้งานบ่อย ๆ จะทำอย่างไรให้ง่าย .... ทำดังนี้

1) เปิด Finder เหมือนเดิม ไปที่เดิม /System/Library/CoreServices/Captive Network Assistant.app

2) เลือกที่ไฟล์ Captive Network Assistant.app แล้วกด Click ขวา เลือกเมนู Make Alias แล้วให้ไปสร้างไว้ที่ Desktop ก็ได้ (อารมณ์เดียวกับ Windows ในการสร้าง Desktop Shortcut เหมือนกันเป๊ะ)

3) ถ้าไว้ Desktop ยังใช้งานยาก...​ ก็ลากไปวางไว้ที่ Dock (แถบยาวๆ ที่มีแอปให้เลือกเปิดใช้ได้ง่าย ๆ) เมื่อไหร่ต้องการเรียกใช้ก็ Double Click ได้เลย
ปล. หวังว่าจะช่วยคนที่มีปัญหาได้นะ แต่วิธีนี้ไม่ได้การันตีว่าจะใช้ได้เสมอไปนะครัช 555+